• จุลสาร
  • งานวิจัย
  • หนังสือ

การศึกษาสถานการณ์ พฤติกรรม และผลกระทบการพนันในประเทศไทย

โดย ดร. พินิจ ลาภธนานนท์ และคณะ


การศึกษาวิจัยนี้เป็นการสำรวจความคิดเห็นของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป จาก 16 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวนรวมทั้งสิ้น 5,042 ตัวอย่าง ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ.2553 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัญหาการเล่นพนัน พฤติกรรมการเล่นพนัน และผลกระทบของการพนันที่มีต่อประชากรศึกษาและครอบครัว รวมถึงเงื่อนไขและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการจัดให้มีบ่อนพนันถูกกฎหมาย การเปิดให้มีร้านรับแทงพนันรูปแบบต่างๆ ที่ถูกกฎหมาย และความคิดเห็นที่มีต่อการบริหารจัดการของภาครัฐในการดำเนินการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาล และข้อเสนอแนะอื่นๆ ในเรื่องการจัดการเรื่องการพนันของภาครัฐ

ผลการศึกษาพบว่าประชากรศึกษาถึงร้อยละ 77.1 เคยมีประสบการณ์เล่นการพนันมาก่อน โดยหวยใต้ดินเป็นการเล่นพนันครั้งแรกของประชากรศึกษาส่วนใหญ่ ซึ่งเริ่มเล่นการพนันเพราะชอบเสี่ยงโชคและเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน และโดยมากเริ่มเล่นการพนันด้วยตนเองโดยไม่มีใครชวน ทั้งนี้ในกลุ่มประชากรศึกษาที่ยังคงเล่นการพนันมาจนถึงช่วงรอบปีที่ผ่านมามีร้อยละ 64.2 ผู้ที่ยังคงเล่นในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีร้อยละ 62.1 และผู้ที่ยังคงเล่นการพนันอยู่ในขณะที่สำรวจข้อมูลมีร้อยละ 58.9 โดยผลจากการประมาณการประชากรที่เล่นการพนันในปี 2553 พบว่าทั่วประเทศมีนักพนันเกือบ 32 ล้านคน โดยเป็นคนในชนบทมากกว่าคนในเมืองและเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย นักพนันเหล่านี้อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด รองลงมาเป็นภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ปัจจุบันสังคมไทยมีสารพัดการพนันที่ล่อใจให้เล่น ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ตั้งแต่สลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดิน การพนันบอล ไฮโล ชนไก่ ชกมวย และหวยประเภทอื่นๆ เช่น หวยออมสิน หวย ธกส. แต่สลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดินเป็นการพนันที่คนไทยนิยมเล่นกันมาก เพราะสามารถหาซื้อและเล่นพนันได้ทั่วไป จากประมาณการจำนวนประชากรที่เล่นพนันในปี 2553 ที่นิยมซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน พบว่ามีผู้ที่นิยมเล่นหวยใต้ดินทั้งสิ้น 19.908 ล้านคน มากกว่าผู้ที่นิยมเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มี 19.180 ล้านคน ทั้งนี้โดยเปรียบเทียบนักพนันในกรุงเทพมหานครและเขตเมืองนิยมเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลมากกว่าหวยใต้ดิน ขณะที่ในชนบทนิยมเล่นหวยใต้ดินมากกว่าเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาล

เมื่อประมาณการจำนวนเงินที่ใช้เล่นพนันซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน พบว่าทั่วประเทศมีวงเงินซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดละ 3,941 พันล้านบาท และคิดเป็นเงินเล่นพนันสลากกินแบ่งรัฐบาลตลอดทั้งปี 76.757 พันล้านบาท ในขณะที่การเล่นพนันหวยใต้ดินมีวงเงินเล่นพนันทั้งประเทศเฉลี่ยงวดละ 5.531 พันล้านบาท และคิดเป็นเงินเล่นพนันหวยใต้ดินตลอดทั้งปี 102.050 พันล้านบาท รวมเฉพาะการพนันสองประเภทนี้ในช่วงทุกๆ 15-16 วัน จะมีเงินเล่นพนันหมุนเวียนทั้งประเทศจำนวน 9.472 พันล้านบาท หรือมีเงินหมุนเวียนเล่นการพนันทั้งสองประเภทนี้รวมตลอดทั้งปี 178.807 พันล้านบาท ในขณะที่ประมาณการเงินเล่นการพนันประเภทอื่นๆ พบว่าประชากรที่ศึกษาหมดเงินไปกับการเล่นพนันในบ่อน 46.352 พันล้านบาท พนันกีฬาพื้นบ้าน 45.666 พันล้านบาท พนันฟุตบอล 38.006 พันล้านบาท และพนันมวย 30.833 พันล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมจำนวนเงินเล่นพนันทุกประเภทตลอดทั้งปี 2553 พบว่ามียอดสูงถึง 357.276 พันล้านบาททีเดียว

ในประเด็นเรื่องผลกระทบของการพนันนั้น จากการสำรวจข้อมูลพบว่าประชากรศึกษาส่วนมากคิดว่าการพนันไม่มีผลให้ตนเองและครอบครัวมีฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นหรือยากจนลง การเล่นพนันไม่ได้ทำให้เกิดปัญหารุนแรงต่อตนเอง ต่อการงาน หรือชีวิตครอบครัว และไม่เคยถูกลงโทษจากการเล่นการพนัน สำหรับการสำรวจความคิดเห็นต่อการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการปัญหาการพนันของรัฐบาล มีหลายประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเด็นแรกความคิดเห็นต่อการทำให้บ่อนการพนันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย พบว่าส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับการเปิดการพนันเสรีในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงร้านรับแทงพนันรูปแบบต่างๆ อย่างที่เปิดให้บริการในต่างประเทศ หากมีความพยายามจะดำเนินการเปิดร้านรับแทงพนันที่ถูกกฎหมาย มีแนวโน้มจะถูกต่อต้านมากกว่าการให้ความสนับสนุน ซึ่งรวมถึงประเด็นเรื่องความพยายามเพิ่มโอกาสในการเล่นพนันของคนไทย ด้วยการนำสลากลอตโต้และสลากรู้ผลทันที (ด้วยการขูดหรือลอก) เข้ามาเล่นนอกเหนือจากการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล

ประเด็นเรื่องการจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ถูกมองว่าขาดความเป็นธรรม และกลายเป็นช่องทางหนึ่งในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ การศึกษาพบว่าส่วนใหญ่ไม่สนใจในเรื่องความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่บางส่วนยอมรับว่าความไม่เป็นธรรมดังกล่าวเป็นกลไกการที่ทำให้เกิดปัญหาขายแพงเกินราคาควบคุม เนื่องจากการใช้อำนาจมืดเข้ามาควบคุมขั้นตอนหรือกลไกการกระจายสลาก และเกิดการเอารัดเอาเปรียบระหว่างผู้ใช้อำนาจมืด ยี่ปั๊ว และผู้ค้ารายย่อย โดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยที่เป็นกลุ่มคนพิการควรจะได้รับการจัดสรรสลากให้อย่างเป็นธรรม ซึ่งเหตุผลดังกล่าวแม้เป็นสัดส่วนร้อยละที่ไม่สูง แต่ก็เป็นความคิดเห็นที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะนำไปพิจารณา เพื่อการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานให้มีความเหมาะสมและยุติธรรมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

กล่าวโดยสรุป สังคมไทยเราควรจะยอมรับความจริงว่าการพนันเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาสังคมมาช้านาน มีอยู่หลากหลายรูปแบบ และก่อให้เกิดอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลักทรัพย์ ขู่กรรโชกทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ขายยาเสพติด หรือค้าประเวณี แต่สังคมไทยกลับปล่อยให้มีการสนับสนุนการพนันผ่านสื่อต่างๆ ทั้งการถ่ายทอดสดการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล มีการทำนายผลฟุตบอลผ่านสื่อต่างๆ มีหนังสือหรือนิตยสารฟุตบอลให้ราคาต่อรองการพนันฟุตบอลแต่ละคู่แทบทุกวัน และยังขายตามแผงหนังสือต่างๆ ในราคาถูกและหาซื้อได้ทั่วไป สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนในการมอมเมาคนไทยให้หมกมุ่นอยู่กับการพนัน เป็นการบ่มเพาะทัศนคติรวยทางลัด หวังพึ่งพิงโชคชะตามากกว่าจะพึ่งพิงความสามารถของตนเอง ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ในกลุ่มเด็กและเยาวชน จึงควรกำหนดแนวทางและมาตรการที่เหมาะสมต่อการแก้ไขปัญหา กำกับดูแล และลดผลกระทบของการพนันที่มีต่อสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพนันที่เข้าถึงเยาวชน เช่น การพนันบอล การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ และการพนันทางอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้การพนันที่ผิดกฎหมายจะต้องมีการปราบปรามอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นหวยใต้ดิน บ่อนการพนันผิดกฎหมาย การพนันฟุตบอล และอื่นๆ