• ข่าวสาร
  • กิจกรรม
  • เอกสารแนะนำ

'ญี่ปุ่น' น้องใหม่เขย่าตลาดกาสิโนเอเชีย

03 มีนาคม 2560

กรุงเทพธุรกิจ - บรรดาผู้บริหารจากผู้ดำเนินการกาสิโนในสหรัฐและเอเชียกำลังมีความหวัง หลังเข้าร่วมประชุมในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เหล่านักลงทุน ต่างแสดงความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมธุรกิจในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ด้วยการเปิดกิจการกาสิโน ภายใต้กฎหมายที่ได้รับอนุมัติจากสภา เมื่อเดือน ธ.ค.

          นายเชลดอน อเดลสัน ประธานและหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทลาส เวกัส แซนด์ส กล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็น "ประเทศแห่งการคว้าโอกาส" โดยอ้างถึง ความเฟื่องฟูของเครื่องเล่นปาจิงโกะ ซึ่งคล้ายกับเครื่องเล่นพินบอล บริษัทของนายอเดลสันลงทุนในมาเก๊าและสิงคโปร์ และมีแผนจะลงทุนในโครงการญี่ปุ่นถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 338,000 ล้านบาท) "สิงคโปร์เป็นแค่น้ำจิ้มของญี่ปุ่นเท่านั้น" เขากล่าว

          ซีแอลเอสเอ บริษัทโบรคเกอร์ซึ่งจัดกิจกรรมให้กับผู้ลงทุน คาดการณ์ว่ารายได้กาสิโนรวมรายปีอยู่ที่ 25,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 845,500 ล้านบาท) เทียบเท่ากับรายได้ ของมาเก๊าในปัจจุบัน ถือเป็นโอกาสอันน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งกำลังหยั่งดู ท่าทีของบรรดาพันธมิตรท้องถิ่นในอนาคต

          "ญี่ปุ่นถือเป็นประตูสู่เป้าหมายต่อไปสำหรับเรา" นายเอียน ไมเคิล คัฟแลน ประธานาบริษัทวินน์ รีสอร์ตของสหรัฐ สาขามาเก๊าเผย "โอกาสนี้ประเมินค่าไม่ได้และเราจะลงทุนไม่อั้นจนกว่าจะประสบความสำเร็จ" นายลอว์เรนซ์ โฮ ประธานและหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทเมลโก อินเตอร์เนชันแนล ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งเปิดกาสิโนอยู่ในมาเก๊า กรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ และเมืองวลาดิวอสต็อกของรัสเซีย

          นายโฮและผู้บริหารกาสิโนรายอื่น ๆ ล็อบบี้รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นเวลาหลายปีเพื่อให้รับรองการพนันถูกกฎหมาย แต่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่รัฐสภาก็ยังลงมติรับรองกฎหมายนี้ ในเดือนธ.ค.

          หากร่างกฎหมายลูกได้รับความเห็นชอบ ภายในสิ้นปีนี้ บรรดารัฐบาลท้องถิ่นในญี่ปุ่นก็จะสามารถเริ่มยื่นประมูลได้ในปีหน้า เพื่อเป็น ก่อตั้งศูนย์รวมรีสอร์ทตามที่วางแผนไว้ถึงแม้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีเมืองได้รับเลือกกี่เมือง แต่ขณะนี้มีหลายเมืองแสดงความจำนงแล้ว รวมถึงเมืองโอซากา กรุงโตเกียว และเมืองโยโกฮามา ขณะที่บรรดากลุ่มผู้สนับสนุนบอกว่า โครงการพัฒนาดังกล่าวอาจช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ท่ามกลางภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา

          นายทาเคชิ อิวายะ ส.ส.จากเมืองหนึ่งบนเกาะคิวชูจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) กล่าวว่า เขาคาดว่าศูนย์รวมรีสอร์ท มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (จีดีพี) อีกราว 1% ส่วนฝ่ายที่คัดค้านต่างกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบต่อสังคมจากการตั้งกาสิโน ซึ่งรวมถึงอัตราก่ออาชญากรรม

          "ชาวญี่ปุ่นรวมถึงคนรุ่นใหม่ ต่างเสพติด การเล่นปาจิงโกะและเครื่องเล่นสล็อต" ชาวโอซากาที่ไม่เห็นด้วยกล่าว "เจ้าหน้าที่รัฐ ควรศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบของการตั้งกาสิโนให้มากกว่านี้"

          นายอิวายะ เสนอว่า รัฐบาลน่าจะอนุญาตให้ใช้สอยพื้นที่ที่ไม่เป็นระเบียบด้วยการเปิดให้มีการเล่นพนันจำกัดเฉพาะในพื้นที่ขนาดเล็ก แทนที่จะตั้งกาสิโนหลายแห่งรวมกันในที่เดียวซึ่งมีแต่จะเพิ่มผลกระทบทางสังคม และอาจขึ้นค่าเข้ากาสิโนสำหรับคนท้องถิ่นเพื่อป้องกันไม่ให้คนท้องถิ่นเดินทางไปเล่นกาสิโนบ่อย เงื่อนไขเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าการเปิดเสรีกาสิโนแบบ "สิงคโปร์โมเดล" ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างโมเดลที่หลายประเทศในเอเชียใช้ เช่น กัมพูชาที่ห้าม คนท้องถิ่นเข้ากาสิโนในประเทศ กับนโยบายเปิดกว้างของมาเก๊าและรัฐบาลอื่น ๆ อีกบางส่วน ซึ่งแนวทางของสิงคโปร์มีศักยภาพสำหรับสร้างฐานของลูกค้าขาประจำที่ผู้ดำเนินการพึ่งพาเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์พร้อมกับควบคุมผลกระทบภายนอกขั้นเลวร้ายที่สุดไปด้วย

          นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นกล่าวหลังเดินทางเยี่ยมชมศูนย์กาสิโน 2 แห่งในสิงคโปร์เมื่อปี 2557 ว่า เขาคิดว่าศูนย์รวมกาสิโนจะเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น

          คณะกรรมการการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ระบุว่า ศูนย์กาสิโน 2 แห่งซึ่งเปิด เมื่อปี 2553 ขณะนี้ช่วยอุดหนุนจีดีพีของประเทศ1-2% ต่อปี ขณะที่ยอดนักท่องเที่ยว เข้าสิงคโปร์อยู่ที่ 10 ล้านคนต่อปีจนถึงปี 2552 และแตะ 16.4 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว

          นอกจากนี้ บรรดานักท่องเที่ยวยังเข้ามา ใช้จ่ายในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นด้วย อยู่ที่ประมาณ 24,800 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 604,370 ล้านบาท) เมื่อปีก่อน เทียบกับช่วงก่อนเปิดกาสิโนซึ่งอยู่ที่ 15,500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในปี 2551

          นายหยิน เส้า หยาง นักวิเคราะห์ด้านการพนันของธนาคารเมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า ค่าเข้ากาสิโนของสิงคโปร์สำหรับคนท้องถิ่นเคยมีผลกระทบต่อนักเล่นพนันขาจรมาแล้ว

          "ค่าเข้ากาสิโนแพงช่วยให้จำนวนคนท้องถิ่นเข้ากาสิโนน้อยลง ซึ่งเงิน 100 ดอลลาร์สิงคโปร์นับว่าไม่มากมาย สำหรับนักพนันมือหนัก แต่ถือว่าแพงมากสำหรับคนที่ไม่ใช่คอพนัน" นายหยินกล่าว

          ญี่ปุ่นไม่ใช่เพียง "น้องใหม่" รายเดียวในวงการกาสิโน แต่ทั้งเมืองวลาดิวอสต็อก เมืองท่าของรัสเซียซึ่งอยู่ใกล้กับจีนและเกาหลีเหนือ และเกาะไซปันที่อยู่ในการควบคุมของสหรัฐ ห่างจากกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ไปทางตะวันออก 2,600 กม. ต่างก็เปิดกาสิโนแห่งแรกเป็นของตนเอง เมื่อปี 2558  ทางการเกาะไซปันมอบสัมปทานกาสิโนให้กับบริษัทเบสท์ ซันชายน์ อินเตอร์เนชันแนลของฮ่องกง ซึ่งเป็น ผู้ดำเนินการกาสิโนเจ้าเดียวในเกาะไซปัน โดยเปิดกาสิโนชั่วคราวขนาดเล็ก ในห้างสรรพสินค้าปลอดภาษีจนมี ผลกำไรจากการดำเนินงานสูงกว่าหน่วยกธุรกิจกาสิโนหลักของ บริษัทเมลโก ซึ่งเบสท์ ซันชายน์ อินเตอร์เนชันแนลระบุว่า รายได้จากการเล่นไฮโรลเลอร์ 16 โต๊ะถึง5,590 ล้านดอลลาร์เฉพาะในเดือนม.ค.เดือนเดียว

          สำหรับรัสเซีย การพนันไม่ใช่เรื่องใหม่ เฉพาะในกรุงมอสโกแห่งเดียว มีกาสิโนราว 30 แห่งจนถึงปี 2552 หลังนายวลาดิมีร์ ปูตินซึ่งนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น สั่งปิดกาสิโนทั้งหมดหลังมีความกังวลเกี่ยวกับการติดพนันและความพัวพันกับองค์กรอาชญากรรมของจอร์เจีย

          หลังจากนั้น รัสเซียได้ออกกรอบนโยบายใหม่ จำกัดพื้นที่เปิดกาสิโนเฉพาะในชุมชนแถบชายแดนเพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ เมืองวลาดิวอสต็อกเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับเลือก โดยกาสิโนชื่อ "ทิเกร เด คริสตัล" ของบริษัทเมลโก มูลค่า 172 ล้านดอลลาร์สามารถดึงดูด นักพนันไฮโรลเลอร์จำนวนมาก และยังมีแผนเปิดสถานพนันแห่งที่ 2และโรงแรมอีก 2 แห่งในเมือง ขณะที่บริษัท รายอื่น ๆ อีก 3 รายกำลังก่อสร้างโรงแรมในพื้นที่นี้ด้วยเช่นกัน

          ปัจจุบัน ทั้งในและรอบภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีกาสิโนรวมกว่า 200 แห่งในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเตรียมตัว เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ เกาหลีใต้และฟิลิปปินส์ต่างสร้างกาสิโนขนาดใหญ่ เพิ่ม โดยหวังจะดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยว ชนชั้นกลางและสูงที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ในภูมิภาค

          รัฐบาลยอมรับข้อกังวลถึง ผลเสียกาสิโนและรับประกันว่า จะควบคุมอย่างเข้มงวด