• ข่าวสาร
  • กิจกรรม
  • เอกสารแนะนำ

กระหึ่ม! กระแสต้านเปิดเสรีกาสิโน

24 มิถุนายน 2558

ผู้จัดการออนไลน์กว่าสัปดาห์แล้วต่อประเด็นบ่อนเสรี หรือเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ โดยการนำเสนอของ 12 สปช.กลุ่มรักชาติ ซึ่งขยายวงจนเกิดเป็นการปะทะทางความคิดของคนไทย 2 กลุ่ม มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ขณะเดียวกันท่าทีของผู้มีอำนาจตัวจริงคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังคงออกอาการ “แทงกั๊ก” อ้างว่าขอรอดูความต้องการของประชาชนก่อน 
       
       ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ที่ออกมาสนับสนุนแนวทางเปิดบ่อนเสรีอย่างไม่สนใจต่อเสียงคัดค้าน ได้ตั้งข้อสังเกตถึงกลุ่มต่อต้านว่ามีนัยบางอย่าง โดยเชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากบรรดาเจ้าของบ่อนพนันในประเทศเพื่อนบ้านที่เสียประโยชน์กว่า 30 แห่งรอบๆ ประเทศ ผบ.ตร.ยังเปรียบเปรยด้วยว่า หากยังปล่อยให้คนไทยนำเงินไหลออกไปพัฒนาประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก ประเทศไทยก็เปรียบเสมือนพระเวสสันดร พร้อมกันนั้น พล.ต.อ.สมยศได้สั่งให้ทีมงานแจกแผนผังแสดงที่ตั้งบ่อนการพนันรอบประเทศไทยทั้งหมดแก่ผู้สื่อข่าว
       
       จากคำพูดของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ที่ออกมาในแนวทิ่มตำฝ่ายคัดค้านแบบไม่คำนึงถึงอารยะ เกิดปฏิกิริยาต่อสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หนึ่งในจำนวนนั้นถึงกับออกมาเอ่ยปากเสนอให้นายกรัฐมนตรี ปลด ผบ.ตร.ออกจากตำแหน่งก็คือ นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง พร้อมด้วยสมาชิกร่วมกันอ่านแถลงการณ์ระบุว่ากาสิโนเป็นส่วนหนึ่งอบายมุขที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดความเสื่อมนำไปสู่ความฉิบหาย สร้างปัญหาต่างๆ ให้กับสังคม ทำให้ภูมิคุ้มกันต่างๆ ของประเทศโดยรวมลดลง “เงินหมุนเวียนในกาสิโน ไม่มีคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นเพียงการเปลี่ยนมือจากผู้เล่นพนันเสียไปสู่ผู้เล่นพนันได้ ซ้ำอาจจะเป็นแหล่งฟอกเงินทุจริตให้การปราบปรามปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเป็นไปได้ยาก”
       
       ประธานสภาพัฒนาการเมืองยังยกพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงเห็นโทษของบ่อนเบี้ยที่มีโทษต่อราษฎร จึงทรงประกาศเลิกบ่อนเบี้ยรัตนโกสินทรศก 124
       
       “หากมีบ่อนแล้วเป็นเรื่องดีงาม รัชกาลที่ 5 ท่านคงให้เปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาถึงปัจจุบัน ไม่ใช่ยกเลิกไป บรรดานักการเมือง สชป.กลุ่มรักชาติ และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ควรน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อม ริเริ่มสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริงๆ ถ้าผมมีอำนาจอย่างท่านประยุทธ์ ต้องปลดเลย ข้าราชการแบบนี้ ใช้ไม่ได้ เพราะท่านเป็น ผบ.ตร. กำลังสวมหัวโขนมีหน้าที่ในการปราบบ่อน ไม่ควรนำเสนอแบบนี้” 
       
       หนึ่งดอกเน้นๆ เนื้อๆ มอบให้กับ “บิ๊กอ๊อด” ด้วยคำวิจารณ์ตบท้ายว่าเป็นข้าราชการที่ใช้ไม่ได้ ข้อหาได้รับการสนับสนุนจากบ่อนเพื่อนบ้านออกมาเคลื่อนไหว หากแปลเป็นไทย น่าจะหมายความว่ากลุ่มไม่สนับสนุน กลุ่มคัดข้ามรับเงินมาจากบ่อนเขมร บ่อนพม่า จึงออกมาต่อต้านต่างจาก 12 สปช.กลุ่มรักชาติ และ พล.ต.อ.สมยศ หรือคนอื่นๆ ในซีกผู้สนับสนุนให้มีบ่อนพนันเสรีถูกกฎหมายด้วยเหตุผล เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
       
       ข้อกล่าวหาลอยๆ นี้หากมาจากประชาชนทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์ไปตามความนึกคิดของตนเอง ก็คงไม่เป็นไร หากไม่เอ่ยชื่อเฉพาะเจาะจงลงไป แต่กระนั้นย่อมไม่ยุติธรรม หรือถูกต้องสำหรับผู้ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของคำพูดนี้คือผู้นำองค์กรรักษากฎหมาย พล.ต.อ.สมยศ มีตำแหน่งเป็น “ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย และนำกฎหมายมาบังคับใช้แก่ประชาชน 67 ล้านคน ด้วยความเท่าเทียมกัน
       
       พล.ต.อ.สมยศรับเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน มิได้จากเจ้านายคนหนึ่งคนใดตามที่ พล.ต.อ.สมยศมักกล่าวอ้าง ท่านคงหลงลืมไปว่าแท้จริงแล้ว ผบ.ตร.ก็คือ ผู้บังคับใช้กฎหมาย บริหารงานตำรวจให้ราบรื่น และพิทักษ์รับใช้ประชาชนมิใช่ “กูรู” หรือศาสดาทางบ่อนการพนัน
       
       และถ้าถามถึงคุณงามความดีของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.คนที่ 10 ที่มีต่อสังคมไทย ท่าจะมีแค่เศษเสี้ยวของบุคคลเหล่านี้หรือไม่ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.รสนา โตสิตระกูล สปช.-อดีต ส.ว. และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองน้ำดี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ หรือแม้แต่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ต่อต้านเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หรือบ่อนเสรี ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดการเคลื่อนไหวจนรัฐบาลขณะนั้นต้องยุบสภาหนี
       
       ท่านที่ยกรายชื่อมาทั้งหมดนี้ มีเกียรติยศ เป็นบุคคลที่สังคมไทยให้การยอมรับ
       
       ทางกลับกัน “อาการ” สุดฤทธิ์สุดเดช อยากได้ใคร่เห็นจนตัวสั่น ชนิดที่ใครค้านเป็นต้องโดนตอกกลับแรงๆ เป็นอีแอบบ้าง กลัวทำไมไม่ใช่พ่อบ้าง หรือกระทั่งยกศาสนามาเปรียบเทียบกัน โดยยกชาวมุสลิมที่เคร่งครัดละหมาด วันละ 4-5 ครั้ง แต่ดูหมิ่นชาวพุทธว่าเช้าไหว้พระ แต่กินเหล้ากันทุกเย็น เหล่านี้ผู้มีสติปัญญา หรือมีวุฒิภาวะเขาไม่ทำกัน เมื่อเห็นกระแสไปไม่ไหว ก็ออกมาเล่นไม้ตื้น หาว่าคนคัดค้านรับไปรับเงินรับทอง รับผลประโยชน์จากบ่อนรอบๆบ้าน
       
       ว่าไปแล้วบุคคลที่เคยได้ประโยชน์จากสิ่งผิดกฎหมายทุกๆ เรื่อง ก็คือตำรวจ
       
       ปัญหาบ่อนการพนันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่ตำรวจจะปราบปราม ปัจจุบันทราบกันอยู่ว่า บ่อนขนาดใหญ่ล้มหายตายจากไปกับสังคมไทยแล้ว เหลือแต่เพียงบ่อนเล็กบ่อนน้อย พวกกล้าตายทั้งตำรวจ และผู้ประกอบการ ถูกจับเมื่อไหร่ กลไกลของกฎหมายก็เริ่มเดิน คือโทษปรับโทษจำ สำหรับคนเล่น และเจ้ามือ ถ้าเป็นบ่อนใหญ่ มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคม กฎหมายฟอกเงินเอาผิดยึดทรัพย์ก็สามารถทำได้ ส่วนตำรวจถ้าสอบสวนพบมีความผิดมาตรการที่ทำกันอยู่ คือ ย้าย 5 เสือ ย้ายผู้การฯ ก็นับว่าได้ผลน่าพอใจ ไม่มีสถานการณ์ใดบ่งบอกว่าตำรวจไทยมีปัญหากับบ่อนพนันมากเพราะปราบไม่ไหว ปราบไม่หมด
       
       โจทก์ที่ตั้งกันมาผิดๆ จึงมีคำถามว่า ท่านต้องการอะไร
       
       ถ้า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริงด้านการพนัน ก็สมควรรับทราบด้วยว่ารอบๆ ตัวท่านก็ล้วนแต่ชำนาญด้านการพนัน (ในประเทศ) และเคยถูกกล่าวหามีผลประโยชน์กับบ่อนพนันหลายต่อหลายแห่ง บางคนเป็นลูกพี่นายบ่อน หลายคนมีกิตติศัพท์เป็นนักพนันมือเติบ เป็นขาใหญ่วงการเจ้าพ่อเจ้าแม่
       
       ภาพของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ที่ออกมาสนับสนุนอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างผิดสังเกตนั้น “Expert” ด้านการข่าวเขามองการเคลื่อนไหวนี้ออกเป็น 3 แนวทาง คือ 1. ท่าน ผบ.ตร.รับคำสั่งจากใครมาหรือไม่ และบุคคลที่อยู่เบื้องหลังต้องมีอำนาจใหญ่โตกว่า “สมยศ” จึงสวมวิญญาณหัวหมู่ทะลวงฟัน ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม หรือ 2. ท่าน ผบ.ตร. มีความตั้งใจจริงตามที่อ้าง ด้วยความเป็น “กูรู” ทางบ่อนพนัน และมีลูกน้องรอบกายเชี่ยวชาญเส้นทางการพนัน จึงออกมาแสดงภูมิปัญญาอย่างเต็มที่ เป็นการทิ้งทวน เพื่อให้ประชาชนรักตำรวจอย่างท่าน ชนิดลืมไม่ลง และข้อ3 สุดท้าย คือต้องการกลบเรื่องถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาหนีคดี ซึ่งในทางปฏิบัติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กำลังจนแต้ม ไม่มีข้ออ้างที่น่าเชื่อถืออีกต่อไป
       
       จาก 3 แนวทางนี้ ล้วนแต่บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น โดยเฉพาะกรณีบ่อนเสรี ไม่ว่าจะออกมาหัวหรือก้อย สิ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างน่ากลัว และพร้อมจะลุกลามบานปลายจนอยากย้ำเตือนผู้มีอำนาจว่า การปล่อยให้ 2 ขั้วปะทะกันทางความคิดนั้น อาจจะมีผู้ฉวยโอกาสผสมโรงร่วมสหบาทาด้วย
       
       แน่นอนว่า ทุกฝ่ายสามารถหยิบยกเอาเหตุผล นำเรื่องทั้งจริงและเท็จ มาข่มกันและกัน ซึ่งในทฤษฎีนี้อาจขยายความไปได้ว่ามี “อำนาจ” อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าวทั้งหมด เพราะไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ประวัติศาสตร์การเมืองไทยมักหนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์เดิมๆ จาก “อำนาจ” ซึ่งมีส่วนในการขับเคลื่อน หักล้างชุดความรู้ สติปัญญา และถูกนำมาใช้ในสังคมโดยที่ประชาชนส่วนไม่เคยรู้ จนเกิดเป็นรอยร้าว และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งของความขัดแย้งในสังคมไทย
       
       นักการเมืองในรัฐบาลปัจจุบันคนหนึ่งออกมาสนับสนุนให้มีบ่อนเสรี โดยอ้างข้อดีเรื่องเม็ดเงิน และตำหนิว่า ถ้าเราไม่ทำก็จะเสียโอกาสพร้อมกับยกศีล 5 ในหลักศาสนาพุทธมาอ้างว่าไม่มีศีลข้อใดห้ามเล่นการพนัน
       
       ตรรกะเหตุผลแบบศรีธนญชัยเช่นนี้ ถ้าผู้คนไม่เฉลียวอาจคล้อยตามว่าจริงของเขา แต่การพนันแม้จะมิได้บัญญัติไว้ในศีล 5 แต่วิญญูชนทุกคนต้องทราบพิษภัยของมันดีว่า อันตรายและชั่วร้ายกว่าการทำผิดศีลข้อหนึ่งข้อใดทั้งสิ้น เพราะการพนัน คือ “อบายมุข” อันเป็นหนทางสู่ความเสื่อม อันประกอบด้วย อบายมุข 4 และอบายมุข 6 ระบุไว้ว่า หนทางสู่ความฉิบหาย คือ ดื่มสุรา เที่ยวกลางคืน ดูการละเล่น การพนัน คบคนชั่ว เกียจคร้านทำงาน แกล้งทำลืมคำเตือนที่ว่า โจรขึ้นเรือน 10 ครั้งไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว ไฟไหม้เรือน 10 ครั้ง ไม่เท่าตกเป็นทาสผีพนัน
       
       ไม่ว่าจะเป็นทางใดย่อมไม่เกิดผลดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทางแรก คนไทยที่ฝากความหวังไว้กับท่านอาจจะมองด้วยความไม่มั่นใจ
       
       ตกลงผู้มีอำนาจสูงกว่า ผบ.ตร.เป็นคนสั่งงานคือใครกันแน่ ทางที่ 2 การที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ออกมาร้องเองราวกับว่าท่านมีต้นทุนทาง สังคมสูง มีเครดิตสามารถนำสังคมได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้แต่จะนำองค์กรตำรวจให้เป็นที่ยอมรับ ยังไม่สามารถทำได้เลย ความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อตำรวจเคยเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น
       
       อารมณ์ของนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง ดีกรีอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยุค “ขิงแก่” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เดือดปุดๆ ถามถึงจิตสำนึก “แก๊งหนึ่งโหลรักบ่อน” และพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของ “บิ๊กตำรวจ” คงคล้ายกับประชาชนจำนวนมาก รวมทั้งกลุ่มเคลื่อนไหวที่กำลังจับตาดูการกระทำของ ผบ.ตร. และการตัดสินใจของผู้มีอำนาจตัวจริง
       
       ถึงวันนั้น หากเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ผู้รับผิดชอบคงหนีไม่พ้น 12 สปช.กลุ่มรักชาติ รวมทั้ง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เปรียบเป็นหมากการเมือง รัฐบาลทหารที่เคยได้รับความเชื่อถือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยเป็นขวัญใจ วันนี้คะแนนนิยมกำลังดิ่งลงเหวอย่างน่าใจหาย นั่นเพราะพฤติกรรมแย่ๆ ของสมุนบริวารใกล้ตัว หากท่านยังคงยืนหยัดทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินโดยไม่เห็นประโยชน์ตัวเอง และพรรคพวก ต้องยอมเสีย “เบี้ย” เพื่อรักษา “ขุน”