เมื่อปัญหาโรคระบาดเริ่มคลี่คลาย รัฐบาลประเทศ ต่าง ๆ ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งน้ำมันแพง เงินเฟ้อ ภาวะว่างงานสูง ฯลฯ ประเทศไทยก็ เช่นเดียวกัน
การพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน เพิ่มรายได้ มีหลายวิธี เมื่อรัฐอับจนปัญญา ก็มีผู้เสนอให้เปิดคาสิโนถูกกฎหมาย เพราะคิดว่าการเก็บภาษีจากการพนันเป็นวิธีการหารายได้เข้ารัฐแบบง่าย ๆ ลืมคิดว่าการพนันอาจสร้างผลกระทบจนเกิดภาวะ ‘ได้ไม่คุ้มเสีย’ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสังคมไทย
คาสิโน (Casino) แปลว่า สถานพนัน หรือ บ่อนการพนัน บางครั้งเรียกว่า บ่อนคาสิโน
ประเทศไทยเคยมีบ่อนการพนันถูกกฎหมายตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 2 เรียกว่า บ่อนเบี้ย ยุคนั้นมีบันทึกว่าเก็บอากรได้มากถึงปีละหลายแสนบาท ถือเป็นแหล่งรายได้สําคัญของรัฐ แต่รัชกาลที่ 5 ทรงมีดําริให้ทยอยปิดบ่อนการพนัน และต่อมารัชกาลที่ 6 ทรงประกาศ ยกเลิกอากรบ่อนเบี้ย ปิดบ่อนการพนันทั่วราชอาณาจักร วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2460
โรม บุนนาค เล่าถึงเรื่องนี้ผ่านบทความ ร.5 กับการเลิกบ่อนการพนัน! เผยแพร่ใน เว็บไซต์ผู้จัดการ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 สรุปได้ว่า
เมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรป พระองค์มีโอกาสไปเล่นเบี้ยที่มอนติคาโล ทําให้เข้าใจแล้วว่า การเล่นพนันสนุกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าชาวบางกอกได้ไปเล่นแล้วจะฉิบหายกันไม่เหลือ ต้องห้ามทันที จะรอช้าสักวันเดียวก็ไม่ควร เพราะทรงพิจารณาเห็นว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย”
ผลที่ได้คือ หลังเลิกบ่อนการพนัน การโจรผู้ร้ายลักเล็กลูกน้อยสงบไปมาก ส่วนการขายตัวเป็นทาสเป็นลูกจ้างน้อยลงไปในทันที เรื่องผัวเมียที่เคยวิวาทลดลง ด้านการค้า โดยรวมก็ค้าขายดีขึ้น พ่อค้าพูดจาเชื่อถือได้ พ่อค้าคนกลางยอมให้รับสินค้าเชื่อไปขาย
ส่วนการเปิดสถานพนันในชื่อ Casino บ้างก็สะกดว่า กาซิโน กาสิโน คาสิโน ปรากฏในประวัติศาสตร์ไทย 2 ช่วงเวลา คือ
1. ยุครัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ผลสืบเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก (ประมาณ พ.ศ. 2472) ทําให้รัฐตัดสินใจอนุญาตให้มีสถานกาชิโนของรัฐบาล ภายใต้การกํากับดูแลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อหารายได้เข้ารัฐ ปรากฏหลักฐานว่าปี พ.ศ. 2481 มีการเปิดสถาน กาชิโน 5 แห่ง และขยายเพิ่มเป็น 11 แห่งในเวลาต่อมา แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดว่ามีผลการดําเนินการอย่างไร ทราบเพียงว่าสถานกาซิโนเหล่านี้เงียบหายไปในเวลาอันรวดเร็ว
2. ยุครัฐบาลนายควง อภัยวงศ์
ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง รัฐบาลต้องการลดความ ร้อนแรงของเงินเฟ้อ โดยดูดเงินออกจากกระเป๋าคนรวยจีน เพราะมองว่าคนจีนนิยมเล่นการพนัน จึงให้จัดตั้งสถานกาสิโน ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 แต่เปิดกิจการได้เพียง 3 เดือนเศษก็ต้องปิดตัวลงอย่างรวดเร็วในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ทั้งๆ ที่ กาสิโนทํารายได้จํานวนมาก เพราะคนที่เข้าไปเล่นการพนันในกาสิโนไม่ใช่คนจีน แต่เป็นประชาชนทั่วไป คนจํานวนไม่น้อยเล่นการพนันจนหมดเนื้อหมดตัว บางคนถึงกับฆ่าตัวตาย
ประวัติศาสตร์ศาสตร์ไทยพิสูจน์ชัดเจนว่า คาสิโนสร้างรายได้เข้ารัฐได้มาก แต่ก็ก่อผลกระทบสูง ทําให้ “ได้ไม่คุ้มเสีย” อย่างนี้สินะถึงมีคนบอกว่า คาสิโนเป็น “ลูกอมอาบยาพิษ”
คาสิโนถูกกฎหมาย อาจไม่ง่ายเหมือนสูตรสำเร็จ
โดย ศิริพร ยอดกมลศาสตร์ผี (พนัน) เข้าสิง ปัญหาของ ‘นักพนันที่เป็นปัญหา’
โดย แอรีส