โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ [1]
ออสเตรเลียตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเส้นศูนย์สูตร เป็นประเทศเดียวที่ครอบครองทั้งทวีปซึ่งมีลักษณะเป็นเกาะขนาดใหญ่ สังคมออสเตรเลียมีหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เพราะอดีตคืออาณานิคมของอังกฤษก่อนได้รับเอกราช และกลายเป็นประเทศเครือจักรภพ ปกครองโดยใช้รูปแบบรัฐรวม ประกอบด้วยรัฐใหญ่ 6 รัฐ กับอีก 2 มณฑล
ออสเตรเลียถือเป็นประเทศใหญ่ประเทศแรกที่ผ่านกฎหมายว่าด้วยการพนันทางอินเทอร์เน็ตชนิดเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อปี ค.ศ. 2001 ในชื่อ Interactive Gambling Act หรือแปลแบบตรงตัวได้ว่ากฎหมายการพนันเชิงโต้ตอบ มีชื่อย่อคือ IGA
ด้วยความที่เป็นรัฐรวม อุตสาหกรรมพนันจึงเป็นกิจการภายในแต่ละรัฐ (Provinces) รายได้ที่เกิดขึ้นเป็นของรัฐ รัฐบาลกลางไม่ได้มีส่วนแบ่งด้วย จนปรากฏความขัดแย้งระหว่างรัฐที่ทำให้การพนันถูกกฎหมายกับรัฐที่ไม่เห็นด้วยขึ้นมา เช่น รัฐนิวเซาท์เวลส์กับรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเห็นว่ารัฐบาลกลางต้องเข้าจัดการ นำไปสู่การเสนอร่างกฎหมายเพื่อใช้ควบคุมการพนันข้ามรัฐโดยอาศัยรากฐานจากกฎหมายที่มีอยู่เดิมของบางรัฐ [2] จนเป็นกฎหมายฉบับนี้ในที่สุด
ความน่าสนใจของ IGA อยู่ที่ยอมให้บริษัทพนันที่จดทะเบียนในประเทศรับพนันออนไลน์จากผู้ที่อยู่อาศัยนอกประเทศได้ แต่ห้ามมิให้คนซึ่งพำนักอยู่ในออสเตรเลียเข้าเล่น เรียกว่าเปิดกว้างสำหรับตลาดภายนอก (Outgoing Services) แต่ปิดกั้นตลาดภายใน แรงผลักดันเบื้องหลังคือ หวังเป็นฐานสร้างรายได้เข้าประเทศโดยดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศ (ทั้งจากการลงทุนและการเล่นพนัน) โดยรัฐบาลออสเตรเลียทราบดีถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมการพนันออนไลน์ของโลก แต่ขณะเดียวกันก็หวั่นเกรงว่าจะต้องสูญเสียเงินตราไหลออกไปยังต่างประเทศ กอปรกับปัญหาจากการพนันในประเทศที่อาจมีเพิ่มขึ้นรุนแรง กฎหมายจึงต้องออกมาในรูปนี้ พูดให้ถึงที่สุด ออสเตรเลียหวังให้นักลงทุนจากอเมริกาเข้ามาลงทุนทำคาสิโนออนไลน์ในประเทศเพื่อดึงรายได้จากกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวอเมริกันเป็นหลัก เพราะจากข้อมูลปริมาณคนเล่นการพนันทางอินเทอร์เน็ตจำนวน 4 ล้านคนในปี 1999 มากถึงเกือบร้อยละ 80 ก็คือคนอเมริกันนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ถ้าคนออสเตรเลียเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วก็สามารถเข้าเล่นกับเว็บไซต์พนันที่จัดตั้งในออสเตรเลียได้ เว้นเสียแต่อยู่ในประเทศที่มีข้อตกลงกับรัฐบาลออสเตรเลียว่าห้ามมิให้มีบริการในประเทศนั้น (Designated Country) ก็ไม่สามารถเล่นได้ ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีประเทศในกลุ่มนี้แต่อย่างใด
ภายใต้ IGA การพนันออนไลน์ที่สามารถให้บริการภายในประเทศได้มีแค่ไม่กี่ชนิดเท่านั้น ได้แก่ พนันกีฬา [3] ลอตเตอรี่ ม้าแข่ง นอกนั้น โป๊กเกอร์ รูเล็ต สล็อต แบล็คแจ็ค แครบส์ และการพนันจำพวกคาสิโนออนไลน์ทั้งหลาย ล้วนถือเป็นสิ่งต้องห้ามทั้งสิ้น
ประเภทของการพนันออนไลน์ที่สามารถเล่นได้และไม่สามารถเล่นได้ในออสเตรเลีย [4]
กฎหมายดังกล่าวได้ให้นิยามการพนันเชิงโต้ตอบ (Interactive Gambling) สรุปแล้วก็คือ การพนันผ่านอินเทอร์เน็ต การส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม หรือการให้บริการอื่นใดในลักษณะดังกล่าว โดยวางระบบให้แต่ละรัฐเป็นผู้ออกใบอนุญาตภายใน ภายใต้แนวทางสร้างระบบตรวจสอบผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานสูง และวางมาตรการคุ้มครองผู้เล่น เป็นต้นว่าผู้ประกอบการต้องมีประวัติและฐานะการเงินดี ห้ามโฆษณาการพนันที่ไม่ได้รับอนุญาต จำกัดอายุคนเล่นไม่ให้ต่ำกว่า 18 ปี ห้ามมิให้เล่นพนันโดยใช้เครดิต มีระบบออกจากเกมอัตโนมัติทุกชั่วโมง จำกัดวงเงินวางเดิมพันแต่ละครั้ง สามารถตรวจสอบตำแหน่งจริงของผู้เล่นได้ โดยในรายละเอียดแล้วก็มีเงื่อนไขการอนุญาตแตกต่างกันไปแล้วแต่รัฐ ซึ่งโดยมากยึดระบบใบอนุญาตแบบเปิดกว้าง ภาษีเรียกเก็บมีตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 60 กว่าเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แล้วแต่รัฐ กลายเป็นต้นแบบออสเตรเลีย (AUS Model) ให้หลายประเทศนำไปประยุกต์ใช้ เช่น แอฟริกาใต้
ในแง่ความมุ่งหมายของการบังคับใช้ เจตนารมณ์ประสงค์จะเอาผิดกับผู้ให้บริการเว็บไซต์พนันออนไลน์แก่ลูกค้าที่พำนักอยู่ในออสเตรเลียเป็นหลัก หาใช่ต้องการเล่นงานคนออสเตรเลียที่ลักลอบเล่นพนันออนไลน์ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 220,000 เหรียญออสเตรเลีย/วัน สำหรับบุคคลธรรมดา และ 1,100,000 ล้านเหรียญออสเตรเลีย/วัน กรณีนิติบุคคล ขณะเดียวกันกฎหมายก็กำหนดความผิดฐานเผยแพร่โฆษณาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ในสื่อต่าง ๆ อีกด้วย โดยมีโทษปรับสูงสุด 13,200 เหรียญออสเตรเลีย/ครั้ง กรณีคนทั่วไป และ 66,000 เหรียญออสเตรเลีย/ครั้ง สำหรับบริษัท โดยมอบหมายให้หน่วยงานด้านการสื่อสารและสื่อของประเทศ (The Australian Communications and Media Authority: ACMA) เปรียบได้กับ กสทช.ของไทยมีอำนาจกำกับดูแลเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติต้องยอมรับว่ากฎหมายนี้ใช้ไม่ได้ผลอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่สามารถปกป้องคนออสเตรเลียจากการเล่นคาสิโนออนไลน์ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถไม่สามารถปิดกั้นการเข้าถึง และจัดการกับเจ้าของเว็บไซต์ต่างชาติที่ลักลอบให้เล่นคาสิโนออนไลน์ในออสเตรเลีย กฎหมายทำได้เพียงจำกัดมิให้ผู้เล่นเข้าถึงเว็บไซต์พนันที่ทำถูกต้องตามกฎหมายออสเตรเลียเท่านั้น คนออสเตรเลียยังคงนิยมเข้าเล่นการพนันจากเว็บต่างชาติ (ซึ่งก็มีทั้งที่เถื่อนและถูกกฎหมายของรัฐอื่น) แม้แต่นักธุรกิจชาวออสเตรเลียบางส่วนเองยังตัดสินใจเอาเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เช่นนาย Kerry Packer เจ้าของ PBL Gaming and Entertainment Technology (GET) ที่เข้าไปทำธุรกิจเกี่ยวกับการพนันออนไลน์อยู่ในประเทศวานุอาตู (Vanuatu)
จนทำให้ต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายฉบับนี้ในปี 2017 เพื่ออุดช่องโหว่ในการต่อกรกับกลุ่มธุรกิจพนันออนไลน์เถื่อนที่ตั้งอยู่นอกออสเตรเลียอย่างได้ผล โดยเพิ่มอำนาจให้แก่ ACMA มากขึ้นในการปราบปราม เช่น ให้มีมาตรการลงโทษทางแพ่ง (Civil Penalty) ทำให้อาจมีโทษปรับสูงสุดถึง 7.9 ล้านเหรียญออสเตรเลียต่อวันกรณีที่เป็นนิติบุคคล และ 1.6 ล้านเหรียญฯ ในกรณีปัจเจกบุคคล นอกเหนือโทษทางอาญาที่มีอยู่แล้ว (ซึ่งยุ่งยากกว่ามากทั้งในแง่ของการดำเนินคดีและกระบวนการทางศาล), สามารถแจ้งชื่อให้กับหน่วยตรวจคนเข้าเมืองเพื่อเฝ้าติดตามหากพบว่ามีการเดินทางเข้ามาในประเทศ, สั่งให้ ISPs ปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์การพนันผิดกฎหมาย, เอาผิดกับผู้ที่คอยสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือธุรกิจเหล่านี้ได้
ตลอดทั้งยังวางมาตรการปกป้องผู้เล่นให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเล่นพนันด้วยระบบเครดิต และการรับพนันระหว่างเกมการแข่งขันกีฬา ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการบางรายเลี่ยงกฎหมายโดยยอมให้ลูกค้าเล่นผ่านทางโทรศัพท์ เช่น William Hill ที่นำเอาระบบ Click to Call มาใช้
ต่อมาปี 2018 ได้มีคดีสำคัญเกิดขึ้นที่รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ถึงแม้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับ IGA โดยตรง แต่ก็ส่งผลต่อวงการอุตสาหกรรมการพนันออนไลน์ในออสเตรเลียอยู่ไม่น้อย เมื่อบริษัท Betfair ของอังกฤษ ร้องไปยังศาลว่าการแก้ไขกฎหมาย Betting Control Act (1954) ของรัฐเมื่อปี 2007 ที่ห้ามดำเนินธุรกิจการพนันอิงเหตุการณ์ในอนาคตนั้น ส่งผลทำให้ Betfair ไม่อาจทำธุรกิจของตนในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียได้อีกต่อไป ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยกีดกันทางการค้า ซึ่งศาลฎีกาของออสเตรเลียพิพากษาโดยเสียงเอกฉันท์ว่ากฎหมายนี้ในข้อที่ห้ามดำเนินธุรกิจดังกล่าวในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียนั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 ว่าด้วยการค้าเสรีระหว่างรัฐ.
[1] อาจารย์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
[2] ตัวอย่างกฎหมายของหลาย ๆ รัฐ/มณฑลในห้วงเวลานั้น เช่น The Australian Capital Territory’s Interaction Gambling Act (1998), Queensland’s Interaction Gambling Act (1998), The Northern Territory’s Gaming Control Act (1998)
[3] หนึ่งในมาตรการสำคัญเกี่ยวกับการพนันกีฬาของออสเตรเลียก็คือ ต้องเป็นการวางเดิมพันก่อนที่เกมจะเริ่มเท่านั้น หากยอมให้วางเดิมพันขณะที่เกมการแข่งขันดำเนินไปแล้ว (In-play Gambling) ถือว่ากระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย แตกต่างจากประเทศยุโรปโดยส่วนใหญ่ที่ยอมรับได้ เนื่องจากทางการออสเตรเลียวิตกกังวลว่าจะนำมาซึ่งปัญหาการล้มกีฬา อีกทั้งวิธีการเล่นในลักษณะนี้ก่อให้เกิดปัญหาการติดพนันได้ง่ายดายมาก
[4] ที่มาของภาพ: https://www.abc.net.au/news/2011-06-01/state-of-play-online-gambling/2730220?pfmredir=sm&fbclid=IwAR3B2KdhKNQ3w4GNwXOrsPlvNLOdK9V2VI5djff06U8uhZ1_cpCSFQ8tudw
ตอนที่ 16 การพนันออนไลน์ในอังกฤษ: ต้นแบบของการพนันออนไลน์แบบเปิดกว้าง
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ตอนที่ 15 การพนันออนไลน์ในออสเตรเลีย: เปิดตลาดนอก ปิดตลาดใน
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ตอนที่ 14 การพนันออนไลน์ในประเทศหมู่เกาะ: การท้าทายต่ออธิปไตยของรัฐมหาอำนาจ
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ตอนที่ 13 การพนันออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา: หนึ่งประเทศหลายระบบ (2)
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ตอนที่ 12 การพนันออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา: หนึ่งประเทศหลายระบบ (1)
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์