โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ [1]
จากการสำรวจงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับนักพนันออนไลน์ (Online Gamblers) สามารถแยกพิจารณาคุณลักษณะของกลุ่มคนเล่นออกได้อย่างน้อย 3 ด้านคือ เพศ อายุ และสถานภาพทางสังคม ซึ่งงานวิจัยจำนวนมากชี้ชัดไปในแนวทางเดียวกันว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุน้อย ฐานะดี และมีการศึกษา โดยเฉพาะเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผู้เล่นการพนันแบบเก่าด้วยแล้ว
อินโฟกราฟิกแสดงให้เห็นความชื่นชอบในชนิดการพนันออนไลน์ที่แตกต่างระหว่างหญิงและชาย [2]
หากจะกล่าวว่าการพนันออนไลน์เป็นกิจกรรมของผู้ชายก็คงไม่ผิดนัก ข้อมูลทั้งจากรายงานวิจัยและผลสำรวจจำนวนมากยืนยันเช่นนี้ เป็นข้อสรุปที่ใช้อธิบายได้กับทุกประเทศ เช่น คณะกรรมการการพนันของอังกฤษ (Gambling Commission) สรุปในรายงานที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อปี 2007 ปีเดียวกับที่หน่วยถูกจัดตั้งขึ้นว่า ในสหราชอาณาจักร ผู้ชายมีจำนวนมากกว่าผู้หญิงถึงสองเท่าในบรรดากลุ่มคนเล่นการพนันออนไลน์ ในสหรัฐอเมริกา พบมากถึงร้อยละ 68 ที่เป็นผู้ชาย จากการสำรวจทางอินเทอร์เน็ตในปี 2006 โดยสมาคมการพนันอเมริกัน (The American Gaming Association: AGA) ไม่ต่างกับอีกหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา
ทว่าคุณสมบัติเด่นของการพนันออนไลน์ก็ได้ช่วยเพิ่มความสนใจในหมู่ผู้หญิง และดึงให้ผู้หญิงเข้ามาเล่นพนันผ่านช่องทางนี้กันมากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยมากกว่า ความไร้ตัวตน ไม่ต้องเล่นต่อหน้าบุคคลอื่นเหมือนในสถานคาสิโนปกติ ซึ่งสร้างความอึดอัดให้กับผู้หญิงเป็นอย่างมาก การพนันรูปแบบนี้ช่วยให้ผู้หญิงสนุกสนานกับเกมต่าง ๆ ยิ่งกว่าเดิม ผู้ประกอบการหลายรายเห็นโอกาสตรงนี้จึงมุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าผู้หญิงโดยเฉพาะ เช่น www.ladycasino.com, www.cameocasino.com
งานสำรวจผู้เล่นการพนันออนไลน์ในอเมริกาเมื่อปี 2004 พบว่าผู้เล่นพนันออนไลน์มีอายุเฉลี่ย 31.7 ปี ขณะที่ของอังกฤษเมื่อปี 2007 พบว่าผู้เล่นส่วนใหญ่อายุ 34 ปีหรือน้อยกว่า (คิดเป็น 55%) มีเพียงร้อยละ 21 เท่านั้นที่อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป อายุน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้เล่นพนันรูปแบบอื่นซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงระหว่าง 45-65 ปีเป็นส่วนใหญ่ งานวิจัยชิ้นหนึ่งของแคนาดา (2012) อาศัยกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่จากการสุ่มสำรวจสอบถามทางโทรศัพท์ จำนวน 8,498 คน พบว่าคนเล่นคาสิโนออนไลน์มีอายุเฉลี่ย 45.7 ปี อ่อนกว่ากลุ่มคนเล่นคาสิโนแบบดั้งเดิมซึ่งอยู่ที่ 51.2 ปี
จากข้อมูลที่มีจึงพอสรุปได้ว่ากลุ่มคนซึ่งนิยมเล่นการพนันออนไลน์มีอายุโดยเฉลี่ยน้อยกว่ากลุ่มคนซึ่งเล่นการพนันแบบเก่า ส่งผลให้มีงานวิจัยที่เน้นมุ่งศึกษาไปที่กลุ่มเยาวชนและเหล่าผู้เล่นอายุน้อยทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นที่ชัดเจนว่าการเล่นพนันออนไลน์ดึงเอากลุ่มคนหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชน นักเรียน นักศึกษาเข้าสู่สนามการพนันเพิ่มขึ้น เพราะสอดรับกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่สัมพันธ์อยู่กับโลกอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ไม่ว่าเพื่อการศึกษา ใช้ค้นคว้าหาข้อมูล ทำธุรกรรม ซื้อ-ขายสินค้า หรือเพื่อความบันเทิงอย่างดูหนัง ฟังเพลง เสพสื่อโซเชียล อีกทั้งกลุ่มวัยรุ่นมักชอบทดลองสิ่งใหม่ ๆ แสวงหาประสบการณ์แปลก ๆ ข้างต้นล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจการพนันออนไลน์ใช้ดึงดูดผู้เล่นอายุน้อยได้เป็นอย่างดี ประกอบกับนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่อาศัยกับครอบครัว ส่วนใหญ่มีคอมพิวเตอร์และมีบัตรเครดิตเป็นของตัวเอง (หมายถึงในต่างประเทศ) เท่ากับเอื้อให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงการพนันทางอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย
ตัวอย่างงานวิจัยในกลุ่มนี้ กรณียุโรป (2002) ชี้ชัดว่า 17% ของผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์พนันออนไลน์มีอายุต่ำกว่า 17 ปี ทั้งที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้ เล่นคาสิโนออนไลน์ได้ กรณีแคนาดา (2012) รัฐโนวาสโกเชีย (Nova Scotia) พบว่าร้อยละ 6 ของผู้ที่มีอายุ 15-17 ปี เคยเล่นโป๊กเกอร์ออนไลน์ที่ใช้เงินจริง รัฐควิเบก (Quebec) พบร้อยละ 9 ของนักเรียนในระดับไฮสคูลของเมืองมอนทรีออลเคยเล่นการพนันทางอินเทอร์เน็ต กรณีฮ่องกง (2014) สำรวจนักเรียนที่เคยเล่นพนันออนไลน์ 1,004 คน ช่วงอายุ 12-19 ปี พบมากถึงร้อยละ 91.4 เริ่มเล่นมาตั้งแต่ก่อนจะมีอายุครบ 18 ปีเต็ม
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในบางประเทศกลับให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป เช่น กรณีเบลเยี่ยมเมื่อปี 2009 ชี้ว่าในหมู่นักพนันวัยรุ่นอายุ 11-17 ปี ส่วนใหญ่ที่พบยังเล่นแบบออฟไลน์ (Offline Gambling) ประเภทหวยขูด (Scratch Cards) โดยให้เหตุผลว่าเพราะเทคโนโลยีระบบป้องกันของระบบออนไลน์ดีกว่า ขณะที่แบบออฟไลน์นั้นอาศัยคนควบคุมซึ่งอาจมีความหละหลวม-ปล่อยปละละเลยให้เด็กเยาวชนสามารถแอบลักลอบเล่นได้ง่าย เนื่องจากระบบคัดกรองไม่ดีเท่าที่ควร
กล่าวโดยรวม ผู้เล่นการพนันออนไลน์มักมีการศึกษาที่ดี ส่วนใหญ่มีงานประจำทำ มีรายได้สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของคนทั่วไป หรือกำลังอยู่ในวัยศึกษา พูดง่าย ๆ คือมีสถานภาพทางสังคมค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องเป็นกลุ่มคนที่สามารถเข้าถึงโครงข่ายสารสนเทศ มีความพร้อมของอุปกรณ์ กอปรกับมีความรู้พื้นฐานด้านเทคโนโลยีอยู่พอสมควร
Sally Gainsbury และคณะ (2012) พยายามศึกษาเชิงประชากรศาสตร์ถึงความแตกต่างระหว่างกลุ่มลูกค้าของคาสิโนแบบดั้งเดิมกับคาสิโนออนไลน์ โดยเลือกใช้วิธีการศึกษาผ่านการสำรวจทางอินเตอร์เน็ตจากนักพนันชาวออสเตรเลียจำนวน 6,682 ราย พบว่ากลุ่มคนเล่นคาสิโนออนไลน์มีแนวโน้มเป็นผู้ชาย รายได้สูง การศึกษาดี และมีทัศนคติเชิงบวกต่อการพนัน ปัจจัยดึงดูดที่สำคัญอยู่ที่ความเป็นส่วนตัว และปกปิดตัวตน เธอพยายามชี้ให้เห็นว่า การพนันออนไลน์ได้สร้างตลาดใหม่ของลูกค้าขึ้นมาซึ่งไม่ทับซ้อนกับลูกค้าของคาสิโนแบบดั้งเดิม สอดคล้องกับ Jarrod Jolly (2011) ค้นพบว่าคนเล่นพนันทางอินเทอร์เน็ตมีฐานะทางสังคม เศรษฐกิจ และการศึกษาดีกว่าคนเล่นคาสิโนแบบเก่า แถมรายได้ก็สูงกว่าด้วย และ The American Gaming Association (2006) ระบุว่าร้อยละ 61 ของนักพนันออนไลน์จบการศึกษาขั้นต่ำชั้นปริญญาตรี ร้อยละ 41 มีรายได้ 75,000 เหรียญสหรัฐต่อปี (ซึ่งเกินกว่าเส้นปานกลางในยุคนั้น)
สำหรับบางประเทศนั้น ด้วยระบบรองรับที่ดีสามารถประมวลผลคุณลักษณะของผู้เล่นได้ทันทีจากฐานข้อมูลที่มี เนื่องจากบังคับให้ผู้เล่นต้องทำการลงทะเบียนเพื่อสร้างบัญชีก่อนเล่น โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามาทำการสำรวจซ้ำ เฉกเช่นรัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐอเมริกา รายงานประจำปี 2014 จากจำนวน 378,103 รายชื่อผู้ใช้ที่ลงทะเบียนบัญชีสำหรับเล่นพนันออนไลน์ภายในรัฐ สามารถแจกแจงข้อมูลได้ชัดเจนเบ็ดเสร็จ นั่นคือ สัดส่วนระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 3 ส่วนใหญ่เป็นผู้มีงานทำ โดยมากนิยมเล่นเวลาทำงาน และยังคงพบผู้ที่มีปัญหาติดการพนันค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับนักพนันในคาสิโนแบบดั้งเดิม.
ตอนที่ 11 อาชญากรรมการพนันออนไลน์ (ผลกระทบต่อผู้เล่น ผู้ประกอบการ และรัฐ)
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ตอนที่ 10 ผลกระทบของการพนันออนไลน์ (ในระดับตัวบุคคล)
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ตอนที่ 9 ทำไมคนหันมาเล่นพนันออนไลน์? และมีพฤติกรรมในการเล่นอย่างไร?
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ตอนที่ 8 ใครคือนักพนันออนไลน์ ?
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์ตอนที่ 7 มาตรการการคุ้มครองผู้เล่น
โดย ณัฐกร วิทิตานนท์