คนที่ติดตามข่าวสารในโลกเทคโนโลยีและโลกการเงิน คงไม่มีใครไม่รู้จัก บิทคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เฉกเช่นสกุลเงินต่างๆ ที่เรารู้จักกัน
แต่ที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใครก็คือ บิทคอยน์เป็น ‘เงินเสมือนจริง’ (virtual currency) ที่อาศัยระบบการเข้ารหัสทางดิจิตอล (Cryptography) เพื่อควบคุมการโยกย้ายถ่ายโอน แทนที่จะต้องพึ่งหน่วยงานกลาง (เช่นรัฐบาลเจ้าของสกุลเงินนั้นๆ) ในการรับรองความถูกต้องของการใช้จ่ายเงินเหมือนสกุลเงินทั่วไป
แต่ก็ไม่ได้แปลว่า บิทคอยน์จะไร้การควบคุม เนื่องด้วยเทคโนโลยี บล๊อกเชน (Blockchain) ที่ถูกใช้เป็นพื้นฐานของเงินดิจิตอล ได้ถูกออกแบบให้มีการแจกจ่ายอำนาจในการตรวจสอบแก่ผู้ใช้งานระบบ
เราอาจเปรียบบิทคอยน์เป็น บัญชีธนาคารบัญชีหนึ่ง ทุกๆ คนที่ใช้จ่ายบิทคอยน์จะถือสมุดบุ๊กแบงค์ตัวจริงของบิทคอยน์(ร่วมกัน) สมุดบุ๊กแบงค์นี้จะอัพเดทตัวเองทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายบิทคอยน์ ไม่ว่าจากใคร เมื่อไหร่ และจากที่ใดในโลก! ทุกๆ คนที่ถือบิทคอยน์จะสามารถเข้าถึงข้อมูลการทำธุรกรรมทั้งหมดได้พร้อมๆ กัน และไม่มีใครคนใดคนหนึ่งสามารถแก้ไขข้อมูลของสมุดบุ๊กแบงค์ของบิทคอยน์ที่ถูกจารึกเอาไว้ในบล๊อกเชน
หลายฝ่ายจึงเชื่อกันว่า บล๊อกเชน เป็นระบบการจัดการข้อมูลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ยากต่อการปลอมแปลงแก้ไขข้อมูล และมีความปลอดภัยสูงเพียงพอจะรองรับการเกิดขึ้นของเงินตราแห่งอนาคต ซึ่งเจ้าบิทคอยน์และเหล่าพลพรรคเงินดิจิตอลสกุลต่างๆ ก็คือ ‘หัวหอก’ สำคัญ ที่จะทำให้ชาวโลกรู้จักและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีบล๊อกเชนมากยิ่งขึ้น
แนวคิดเรื่อง ‘เงินดิจิตอล’ กำลังอยู่ในช่วงที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง
บิทคอยน์ถือกำเนิดขึ้นในปี 2009 ด้วยราคาที่จับต้องได้ ประมาณ 10 เซ็นต์ต่อ 1 บิทคอยน์ และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนธันวาคม ปี 2017 ราคาของบิทคอยน์ขึ้นสูงสุดแตะ 19,891 ดอลล่าร์สหรัฐต่อ 1 บิทคอยน์
แต่ราคาก็มีความผันผวนอยู่มาก เช่นในช่วงเดือนมกราคม 2018 หลังจากเฟซบุ๊กประกาศระงับการโฆษณาเกี่ยวกับบิทคอยน์ ราคาของบิทคอยน์ได้ตกลงมาแตะที่ราคาต่ำกว่า 9,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 บิทคอยน์ และคาดการณ์กันว่าราคาจะยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่อง จนสร้างความกังวลว่า การเก็งกำไรบิทคอยน์อาจจะเป็นฟองสบู่ลูกใหม่ที่จะระเบิดใส่โลกการเงิน และอาจทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจตามมา
ท่ามกลางความไม่ไว้วางใจในบิทคอยน์ บางประเทศ เช่น บังคลาเทศ โบลิเวีย เอกวาดอร์ ไอซ์แลนด์ เวียดนาม และเกาหลีใต้ เลือกที่จะแบนการซื้อขายบิทคอยน์ไปเลย ขณะที่จีน แม้จะไม่ถึงขั้นแบน แต่ก็ไม่อนุญาตให้สถาบันการเงินข้องเกี่ยวกับบิทคอยน์ ในทางตรงข้าม สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ยอมรับให้มีการใช้บิทคอยน์ในการทำธุรกรรมได้ดังสกุลเงินทั่วไป พร้อมกับมีมาตรการควบคุมเพื่อรับมือกับอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นผ่านการซื้อขายเงินดิจิตอล
ที่น่าสนใจ คณะกรรมการการพนันของสหราชอาณาจักร ยอมรับสถานะของเงินดิจิตอลว่ามีมูลค่าและสามารถนำไปใช้เล่นการพนันได้ ถึงขนาดว่า ผู้ที่จะขอใบอนุญาตจัดการพนัน สามารถจ่ายค่าใบอนุญาตได้ด้วยบิทคอยน์
โลกพนันบนบล๊อกเชน
บิทคอยน์ปรากฏตัวขึ้นในโลกแห่งการพนันออนไลน์ในฐานะ วิธีการจ่ายเงินพนัน (method of payment) ที่เว็บไซต์พนันออนไลน์เพิ่มเติมทางเลือกในการจ่ายเงินให้แก่นักพนัน เมื่อเริ่มเป็นที่นิยม บริษัทผู้ผลิตซอฟแวร์เกมพนันต่างๆ ให้แก่เว็บไซต์พนัน จึงเริ่มพัฒนาเกมพนันที่รองรับบิทคอยน์ขึ้น แต่ก็ยังเป็นเกมที่อยู่ในเว็บไซต์พนันออนไลน์ทั่วไป จนกระทั่งล่าสุดได้มี เว็บไซต์พนันออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยีบล๊อกเชน (Blockchain gambling websites) เพื่อรองรับการพนันด้วยเงินดิจิตอลเป็นการเฉพาะ เช่น Satoshi Dice, Edgeless Casino และ Virtue Poker เป็นต้น
3 จุดเด่นและทิศทางสำคัญที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา
1. นักพนันสบายใจ ไม่ต้องแสดงตัวตน
การพนันบนเทคโนโลยีบล๊อกเชน ไม่ต้องสมัครสมาชิก ไม่ต้องดาวน์โหลดซอฟแวร์มาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องเปิดบัญชีกับเว็บไซต์พนัน ไม่เหมือนการพนันออนไลน์ทั่วๆ ไป เพียงคุณมีบิทคอยน์ คุณก็สามารถเล่นพนันได้ทันที โดยการวางเดิมพันด้วยบิทคอยน์ในเว็บไซต์
เมื่อไม่ต้องแสดงตัวตน (Anonymity) คนที่ไม่อยากให้ใครรู้ตัวตนก็จะตัดสินใจเริ่มเล่นพนันได้ง่าย เทคโนโลยีนี้อาจส่งผลให้มีนักพนันออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ยิ่งกว่านั้น การเล่นพนันด้วยบิทคอยน์ยังอาจทำให้นักพนันใช้เงินกับการพนันมากขึ้น เช่นเดียวกับการแลกชิพในคาสิโน เพราะการไม่ได้เปรียบเทียบเงินพนันกับเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้นักพนันไม่ค่อยตระหนักถึงมูลค่าจริงของเงินที่ใช้ไปกับการพนัน
2. การเข้าถึงข้อมูล ทลายความกลัว ‘การโกง’
บล๊อกเชน มีพื้นฐานอยู่บนการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ (Transparency) กิจกรรมใดๆ ที่เกิดขึ้นบนบล๊อกเชนจะดำรงอยู่อย่างนั้น ปรากฏต่อทุกคน (ที่มีความรู้ทางเทคนิคเพียงพอจะเข้าไปตรวจสอบ) และไม่สามารถแก้ไข ลบทิ้ง หรือดัดแปลงได้ ดังนั้น เว็บไซต์พนันที่พัฒนาขึ้นบนบล๊อกเชนจึงมีลักษณะโปร่งใส ตรวจสอบได้ นักพนันสามารถเข้าถึงข้อมูล เช่นตรวจสอบประวัติผลพนัน ประวัติการโอนเงินได้-เสียจากการพนัน ฯลฯ ซึ่งบิทคอยน์ก็ทำงานบนบล๊อกเชนเช่นเดียวกันกับเว็บไซต์พนัน
สำหรับคนที่ไม่ไว้ใจในเว็บไซต์พนันออนไลน์ กลัวถูกโกง กลัวถูกแฮ็คหรือโจรกรรมบัญชี ไม่กล้าเปิดบัญชี ฯลฯ เพราะรู้ว่าโปรแกรมและโค๊ดต่างๆ ที่ใช้ในเว็บไซต์พนันมีเพียงผู้ให้บริการเว็บไซต์เท่านั้นที่เข้าถึงได้ เว็บไซต์พนันบนบล๊อกเชนจะทำให้คนเหล่านี้คลายความกังวลใจและก้าวเข้าสู่การเป็นนักพนันหน้าใหม่ในโลกแห่งการพนันออนไลน์
3. ระบบสัญญาอัจฉริยะ ไม่ต้องการ ‘เจ้ามือ’
โลกพนันบนบล๊อกเชน ไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง ผู้จัด หรือเจ้ามือ นักพนันสามารถพนันกันเองแบบตัวต่อตัว (peer-to-peer) โดยใช้ระบบสัญญาอัจฉริยะ (Smart contract) ซึ่งก็คือชุดโปรแกรมที่เขียนขึ้น กำหนดว่าจะพนันกันอย่างไร มีเงื่อนไขแบบใด อัตราได้-เสียเท่าไหร่ ฯลฯ พอสัญญานี้ถูกส่งเข้าสู่บล๊อกเชนจะไม่มีใครสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาได้ และเมื่อผลพนันปรากฏ เงินได้-เสียในอัตราที่กำหนดไว้จะถูกโอนถ่ายในทันทีตามชุดคำสั่งของสัญญา
ด้วยเทคนิคนี้ นักพนันทุกคนสามารถส่งสัญญา(การพนัน)ของตัวเองเข้าสู่ระบบบล๊อกเชนเพื่อให้นักพนันคนอื่นมาเล่นพนันกับตนเองโดยตรง ไม่ต้องมีเว็บไซต์พนันหรือเจ้ามือ(แบบดั้งเดิม) ทำให้การพนันบนโลกออนไลน์ไม่จำกัดอยู่เพียงเว็บไซต์รับแทงพนันอีกต่อไป
การพนันจริงในโลกเสมือนจริง
เป็นภาพที่เราเห็นกันจนชินตาว่า การพนันต้องเกิดขึ้นผ่านคนกลาง ผู้จัด หรือเจ้ามือ ที่จะการันตีว่า เงินจากคนเสียพนันจะถูกส่งไปให้แก่คนได้พนันอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีการเบี้ยวหรือเล่นไม่ซื่อ ต่อมาเมื่อการพนันก้าวเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต การพนันออนไลน์ก็เป็นเพียงการ ‘จำลอง’ บ่อนการพนันไปไว้ในเว็บไซต์ ซึ่งยังต้องการผู้จัดตัวจริง ผู้เล่นตัวจริง ใช้เงินจริงๆ ในการเล่นพนัน กิจกรรมการพนันที่เกิดขึ้นเป็นเพียงข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในเว็บไซต์ เหมือนข้อมูลดิจิตอลทั่วๆ ไป และเป็นที่ทราบกันดีว่า ‘ของจำลอง’ ไม่มีวันจะเป็นของจริงไปได้
แต่ภาพจำเหล่านี้กำลังจะเปลี่ยนไป การเข้ามาของเทคโนโลยีบล๊อกเชนกำลังเปลี่ยนให้โลกอินเตอร์เน็ตกลายเป็นพื้นที่ของ ‘การพนันจริง’ ในโลกเสมือนจริงที่เป็นเอกเทศน์ อยู่ได้โดยตัวมันเอง
บล็อกเชนคือพื้นที่ที่การพนันจะเกิดขึ้นจริง ดำรงอยู่แบบนั้น และไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ เงินตราที่โอนถ่ายกันในบล๊อกเชนก็เป็นเสมือนเงินตราจริง มีมูลค่าในตัวมันเองจริงๆ บทบาทของนักพนัน ธุรกิจเว็บไซต์พนัน ภาครัฐและหน่วยงานที่กำกับดูแลกิจกรรมเหล่านี้ จะต้องเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ส่วนจะมากหรือน้อยแค่ไหนเป็นเรื่องที่ต้องตามดูกันในระยะยาว
Blockchain เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกพนัน ?
โดย อิกดราซิลรณรงค์หยุดพนัน แต่ไม่พูดเรื่องพนัน
โดย ลุงป๊อปทีมเฉพาะกิจเธียร์เตอร์ สร้างสรรค์ละครหรรษา ปลูกต้นกล้าห่างไกลพนัน
โดย CGS Teamผิดก็ไม่ใช่ ถูกก็ไม่เชิง: เยาวชนถูกจับกุมด้วยคดีพนัน
โดย ปิ่นวดี ศรีสุพรรณ และ กนกวรรณ มะโนรมย์