• จุลสาร
  • งานวิจัย
  • หนังสือ

ผลกระทบจากสถานการณ์การพนันตามแนวชายแดน: กรณีคิงส์โรมันคาสิโน เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ สปป.ลาว

โดย ณัฐกร วิทิตานนท์

ภายหลังรัฐบาลลาวมีนโยบายเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติมากยิ่งขึ้น และยอมให้เปิดคาสิโนได้เฉพาะภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ) จึงเกิด “คิงส์โรมัน” (Kings Roman) ขึ้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ (“คำ” ในภาษาลาวหมายถึงทองคำ หรือ “ภูก้วน” ในภาษาจีน) ตั้งอยู่ในเขตเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ช่วงบริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านสบรวก บนถนนเลียบแม่น้ำโขงจากตัว  อ.เชียงแสนไปสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งนอกจากจะเป็นคาสิโนขนาดใหญ่แล้ว ยังประกอบไปด้วยแหล่งบันเทิงครบวงจร มีโรงแรม ย่านที่พักอาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับย่านไชน่าทาวน์ หรือตลาดการค้าจีน เรียกได้ว่าเป็นคาสิโนรีสอร์ทเต็มรูปแบบ โครงการนี้ดำเนินการโดยกลุ่มทุนดอกงิ้วคำ เอกชนจีนที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวในการเช่าพื้นที่ระยะยาวเป็นเวลา 99 ปี เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 9 เดือนกันยายน พ.ศ. 2552 (วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009) เป็นต้นมา

จากการมีคาสิโนขนาดใหญ่ตั้งขึ้นมา ก่อให้เกิดคำถามที่น่าสนใจจำนวนมาก เช่น คาสิโนแห่งนี้มีลักษณะการบริหารจัดการอย่างไร กลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มใด ใช่คนไทยหรือไม่ ปริมาณลูกค้าโดยเฉลี่ย วันปกติเท่าไร วันหยุดเท่าไร ประเภทและชนิดของการพนันที่มีให้เล่น เจ้าของมีความสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองและข้าราชการหรือไม่ กระแสเงินสะพัดกี่มากน้อย มีผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่นด้านใดบ้าง บวกหรือลบ เกี่ยวเนื่องกับปัญหาอาชญากรรมด้วยหรือไม่ มีอิทธิพลต่อภาครัฐในรูปแบบเช่นใด มาตรการเกื้อกูลอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เล่นมีหรือไม่ เป็นต้น

ทัศนะที่มีต่อ “คิงส์โรมัน” ก็มีหลากหลาย หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าคาสิโนแห่งนี้น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนให้เติบโตยิ่งขึ้น เกิดแหล่งสร้างงานขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งไทยและลาวได้รับผลประโยชน์ทางการท่องเที่ยวร่วมกัน ขณะเดียวกันก็ปรากฏความกังวลถึงผลกระทบด้านร้ายที่จะมีมาถึงอำเภอเชียงแสน และอำเภอชายแดนใกล้เคียง ซึ่งไม่เพียงจะสร้างปัญหาให้กับกลุ่มคนที่เล่นการพนันชาวไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจ และสังคมอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกระแสจีนภิวัฒน์ ซึ่งสามารถพบเห็นได้ตามเมืองต่าง ๆ ที่มีชาวจีนจำนวนมากเข้าไปตั้งรกรากประกอบธุรกิจการค้า เช่น เมืองเชียงรุ่ง และเมืองเล็ก ๆ ในพื้นที่วัฒนธรรมของกลุ่มลื้อในประเทศจีน ตลอดจนพื้นที่ระยะยาวของกลุ่มทุนชาวจีนต่าง ๆ เช่นที่เมืองลา เมืองม้าในประเทศพม่า บ่อเต็น บ้านต้นผึ้งในลาว เมืองเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการ “ถูกทำให้เป็นจีน เพื่อคนจีน”  มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป ยังมิพักเอ่ยถึงปัญหาอื่นที่สืบเนื่องตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรม แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ปัญหาด้านสาธารณสุข เรื่อยไปจนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม

ปรากฏการณ์ดังกล่าวยังขาดข้อมูลเชิงประจักษ์ ผลการวิจัยนี้จะช่วยชี้ให้เห็นนัยพิเศษเชิงพื้นที่ต่อการเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของคาสิโนตามแนวชายแดน ในที่นี้คือ คิงส์โรมัน อีกทั้งแทบจะไม่เคยมีการศึกษาจริงจังเกี่ยวกับสถานการพนันในบริเวณนี้ (ชายแดนด้านจังหวัดเชียงราย) อย่างจำเพาะเจาะจงมาก่อน แตกต่างจากพื้นที่อื่นของประเทศที่เคยมีผู้ศึกษามาแล้วทั้งสิ้น ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการศึกษาครั้งนี้จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในท้ายที่สุด

 

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 

(1) เพื่อทราบแนวนโยบายของทั้งไทย ลาว และจีนที่เกี่ยวเนื่องกับคาสิโนคิงส์โรมัน

(2) เพื่อทราบโครงสร้างความเป็นเจ้าของที่แท้จริง และความเชื่อมโยงระหว่างคาสิโนกับชนชั้นนำทางเศรษฐกิจและการเมืองของไทย ลาว และจีน

(3) เพื่อเข้าใจถึงพฤติกรรม ลักษณะทางสังคมและเศรษฐกิจ และเหตุผลเบื้องลึกของกลุ่มคนที่เข้ามาเล่นการพนันในคาสิโนแห่งนี้

(4) เพื่อทราบผลกระทบด้านต่าง ๆ อันเนื่องมาจากคาสิโนที่มีต่อชุมชนท้องถิ่น โดยมุ่งศึกษาจากมุมมองของราษฎร์ในเขตพื้นที่ติดต่อเป็นสำคัญ