• จุลสาร
  • งานวิจัย
  • หนังสือ

พฤติกรรมการรับชมและการเล่นทายผลฟุตบอลโลก 2014 กลุ่มนักพนันประชาชนทั่วประเทศ

โดย ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB)

การสำรวจพฤติกรรมรับชมและการเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2014 กลุ่มนักพนันประชาชนทั่วประเทศ เก็บรวบรวมข้อมูลกับประชาชนทั่วไปที่มีอายุระหว่าง 15 - 69 ปี ใน 23 จังหวัดทั่วประเทศ ประยุกต์ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น และกำหนดลักษณะตัวอย่างให้สอดคล้องกับประชากรเป้าหมายจริง รวมจำนวนทั้งสิ้น 6,874 ตัวอย่าง ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้

 

1. ความสนใจและการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014

ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าคนไทยนิยมกีฬาฟุตบอลค่อนข้างมาก โดยเฉพาะฟุตบอลโลก และพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ในครั้งนี้ ก็มีประชาชนถึงประมาณ 24.214 ล้านคนที่ติดตามรับชมการถ่ายทอดสด

ด้านพฤติกรรมการรับชม พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งชมคนเดียว โดยมีบางส่วนชมกับครอบครัว (พ่อ แม่ พี่ น้อง) และเพื่อน แม้ส่วนใหญ่รับชมอยู่บ้านตัวเอง แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ไปชมที่บ้านเพื่อน / แฟน / คนรัก รวมถึงร้านอาหาร / สถานบันเทิง ซึ่งมีโอกาสที่จะเล่นการพนันได้

ประเด็นน่าสนใจคือ ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะรับชมการถ่ายทอดสด นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพอื่นๆ ในขณะรับชมอีกด้วย อาทิ การดื่มน้ำอัดลม / น้ำหวาน การรับประทานอาหารทั่วไป การดื่มเครื่องดื่มชา / กาแฟ และการสูบบุหรี่

 

2. การรับรู้ต่อการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2014

คนส่วนใหญ่เคยได้ยินได้ฟังการรณรงค์ / ห้ามปรามไม่ให้เล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2014 ผ่านทางการโฆษณาทางโทรทัศน์ และการโฆษณาทางวิทยุ เป็นหลัก โดยสื่อหรือบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการห้ามปราม ได้แก่ การโฆษณาทางโทรทัศน์ คสช. / ทหาร และตำรวจ 

ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าการรณรงค์ห้ามปรามไม่ให้เล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2014 นั้นได้ผลพอสมควร โดยพบว่าคนส่วนใหญ่รับรู้ต่อการจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลบอลโลก และเคยได้ยินประกาศสั่งห้ามไม่ให้มีการเล่นพนันผิดกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมกับเห็นว่าศูนย์และประกาศดังกล่าวนั้นจะช่วยทำให้การเล่นพนันทายผลฟุตบอลลดลง

 

3. ความคิดเห็น และประสบการณ์เล่นพนันทายผลฟุตบอล ก่อนฟุตบอลโลก 2014

การสำรวจประสบการณ์การเล่นพนันในเบื้องต้น พบว่าคนส่วนใหญ่เคยเล่นการพนัน โดยเฉพาะสลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดิน และเกมพนันไพ่ ซึ่งมีการเล่นกันมาก และมักเป็นประเภทการพนันที่เล่นเป็นครั้งแรกอีกด้วย สำหรับการพนันทายผลฟุตบอล พบว่ามีคนเคยเล่นเกือบร้อยละ 15 ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของประชาชนที่เริ่มเล่นการพนันคือ 21 ปี โดยอายุต่ำสุดที่พบคือ 7 ปี

เมื่อพิจารณาเฉพาะการพนันที่เคยเล่นในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ข้อมูลที่พบสอดคล้องกับผลข้างต้น กล่าวคือ คนมักเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดิน การพนันทายผลฟุตบอล และเกมพนันไพ่

ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าประกาศสั่งห้ามไม่ให้มีการเล่นพนันผิดกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการป้องกันและปราบปรามอย่างเข้มงวดของตำรวจที่ผ่านมา มีผลต่อพฤติกรรมการเล่นพนันทุกประเภทอยู่พอสมควร ทั้งเลิกเล่นไปเลย และเล่นน้อยลง 

ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมีทัศนคติที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นพนัน หรือเห็นการพนันเป็นเพียงเรื่องสีสัน อาทิ การเห็นว่าการเล่นพนันทายผลฟุตบอลกับเพื่อนด้วยข้อตกลงหรือสิ่งของที่ไม่ใช่ “เงิน” เช่น เลี้ยงอาหาร เครื่องดื่ม ฯลฯ เป็นเรื่องที่เหมาะสม หรือการเห็นว่าการเล่นพนันทายผลฟุตบอลกับเพื่อนด้วย “เงิน” เพื่อสีสัน ความสนุกในการเชียร์ฟุตบอล เป็นเรื่องที่เหมาะสม

การสำรวจถึงคนรอบข้างที่เล่นการพนันทายผลฟุตบอล พบว่ามักเป็นเพื่อนสนิท คนรู้จักในชุมชน / ละแวกที่พักอาศัย และเพื่อน (ไม่สนิท) โดยเฉพาะเพื่อนสนิทที่เล่นพบว่ามีเฉลี่ย 6 คน 

ประเด็นสำคัญต่อมา พบว่ามีร้อยละ 12 ที่เคยเล่นพนันทายผลฟุตบอลมาก่อน โดยเริ่มเล่นครั้งแรกอายุเฉลี่ย 21 ปี และต่ำสุด 10 ปี โดยรายการที่เริ่มเล่นพนันก็คือ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นสองรายการแรกที่มีการเล่นพนันมากที่สุดอีกด้วย ทั้งนี้ จำนวนเงินพนันโดยเฉลี่ยต่อคู่ มีค่าเฉลี่ย 502บาท และจำนวนเงินพนันสูงสุดต่อคู่ มีค่าเฉลี่ย 2,435 บาท ในกลุ่มนี้เกือบครึ่งปัจจุบันก็ยังเล่นพนันทายผลฟุตบอลอยู่ โดยรวมระยะเวลาที่เล่นมาเฉลี่ย 10 ปี 

 

4. การเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2014

ประเด็นสำคัญที่สุดของการศึกษาครั้งนี้ พบว่ามีประชาชนประมาณร้อยละ 9 ที่เล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2014 โดยมากจะเล่นกับเพื่อน แต่ก็มีบางส่วนเล่นกับโต๊ะบอลโดยผ่านคนรับแทง (คนเดินโพย) เล่นกับโต๊ะบอลโดยตรง และเล่นผ่านเว็บไซต์ ซึ่งการเล่นพนันทายผลฟุตบอลผ่านเว็บไซต์นี้ ส่วนใหญ่จะใช้บัญชีธนาคารในการรับจ่ายเงิน และใช้อุปกรณ์เป็นโน๊ตบุ๊ค / คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (ส่วนตัว) 

กลุ่มนักพนันข้างต้น ให้เหตุผลสำคัญที่ทำให้เล่นว่าทำให้การเชียร์ฟุตบอลสนุก ตื่นเต้นขึ้น นอกจากนี้บางคนยังชอบเสี่ยง ชอบการพนัน และเชียร์ทีมโปรด สอดคล้องกับที่พบว่าในกลุ่มนี้มีจำนวนไม่น้อยที่ดูการถ่ายทอดสดในคู่ที่เล่นพนันทุกคู่ แต่ที่น่าพิจารณาคือ นักพนัน 1 ใน 3 มักชักชวนเพื่อน / คนรู้จักให้เล่นพนันด้วย

สถิติเกี่ยวกับการพนันที่น่าสนใจของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ครั้งนี้ พบว่ามีการเล่นพนันเฉลี่ย 16 คู่ ในกลุ่มที่เล่นพนันมีประมาณร้อยละ 12 ที่เล่นพนันทุกคู่ (64 คู่) จำนวนเงินพนันโดยเฉลี่ยต่อคู่ เฉลี่ย 554 บาท สูงสุด 20,000 บาท จำนวนเงินพนันต่ำสุดต่อคู่ เฉลี่ย 281 บาท สูงสุด 10,000 บาท และจำนวนเงินพนันสูงสุดต่อคู่ เฉลี่ย 1,555 บาท สูงสุด 50,000 บาท

นอกจากนี้ พบว่านักพนันร้อยละ 15 ประสบปัญหาหมุนเงินไม่ทัน ต้องอาศัยการหยิบยืมจากเพื่อน คนในครอบครัว และญาติ ที่น่าเป็นห่วงคือ มีบางส่วนไปกู้เงินนอกระบบ และถึงขั้นหาเงินด้วยวิธีที่ผิดกฎหมาย / ศีลธรรม ขณะที่ร้อยละ 7 มีหนี้สินจากการเล่นพนัน โดยเฉลี่ย 13,438 บาท สูงสุด 100,000 บาท

นักพนันมักใช้สถิติการแข่งขันที่ผ่านมา ข้อมูลอัตราต่อรอง ข้อมูลความพร้อมของทีมที่จะแข่งขัน รวมถึงการเป็นแฟนบอลทีมนั้นๆ และข้อมูลการวิเคราะห์ฟันธงผลแข่งขันล่วงหน้า มาประกอบการตัดสินใจผ่านสื่อสำคัญได้แก่ โทรทัศน์ฟรีทีวี และดิจิตอลทีวี หนังสือพิมพ์กีฬา หนังสือพิมพ์วิเคราะห์อัตราต่อรอง  เว็บไซต์ และช่องกีฬาทางทีวีดาวเทียม / เคเบิ้ลทีวี นอกจากนี้ ยังพบพฤติกรรมที่น่าสนใจของนักพนันกลุ่มนี้อีก ได้แก่ เล่นพนันเพียงต้องการได้เงินที่เสียไปคืนมา เล่นพนันเกินความตั้งใจที่ต้องการจะเล่น และเล่นพนันแล้วเสียเงิน แต่ไม่มีเงินพอจ่าย 

การสำรวจผลกระทบจากการเล่นพนันทายผลฟุตบอล พบว่ามีบางส่วนทะเลาะกับคนในครอบครัว (เช่น พ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง คู่ชีวิต คนรัก) ถูกโกง (ไม่จ่าย / จ่ายไม่ครบ) มีความเครียดมาก และเสียการเรียน / เสียงานเสียการ เมื่อมีปัญหาโดยมากเลือกที่จะไปปรึกษาเพื่อน มากกว่าคนในครอบครัว (พ่อ แม่ สามี ภรรยา) 

ประเด็นที่น่าพิจารณาต่อมา คือพบว่านักพนันถึง 3 ใน 4 ไม่รู้สึกกังวลว่าจะถูกตำรวจจับ และส่วนใหญ่มีคนรอบข้างรับรู้ว่าเล่นพนัน แต่กลับไม่มีใครว่าอะไร / เฉยๆ แทนที่จะกล่าวตักเตือนหรือลงโทษ

อย่างไรก็ตาม นักพนันครึ่งหนึ่งก็รับว่าประกาศสั่งห้ามไม่ให้มีการเล่นพนันผิดกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการป้องกันและปราบปรามอย่างเข้มงวดของตำรวจที่ผ่านมา มีผลต่อการเล่นพนันของตน ทำให้เล่นพนันน้อยกว่าที่ตั้งใจ และมีบางส่วนปรับเปลี่ยนช่องทางการเล่นพนัน โดยมักเปลี่ยนจากเล่นกับโต๊ะบอลโดยตรง / คนเดินโพย มาเล่นกันเองกับคนรู้จัก

ประเด็นสุดท้ายเป็นข้อมูลสำหรับการป้องกันการเล่นพนันในอนาคต พบว่านักพนันกลุ่มนี้ประมาณ 1 ใน 3 คิดจะเล่นพนันทายผลฟุตบอลในรายการอื่นต่อไป หลังจากจบฟุตบอลโลก 2014 ครั้งนี้